Powered By Blogger

7/30/2555

แนะนำตัว


นายนวมินทร์  อินธิปีก
รหัส 53101209246
สาขาวิชา นวัตกรรมและคอมพิวเตอร์ศึกษา หมู่เรียนที่ 2
คณะครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 3
มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

Adobe Photoshop Lightroom 4





      มาทำความรู้จักกับ Lightroom 

                      Lightroom หรือชื่อเต็มๆ ว่า Adobe Photoshop Lightroom เป็นโปรแกรมจัดการภาพถ่ายสำหรับช่างภาพเพื่อใช้จัดการภาพถ่ายปริมาณมากๆ และใช้จัดการไฟล์ RAW (สนับสนุนถึง 150 formats) คำสั่งที่ใช้ในการแต่งรูปถึงจะมีไม่มากเท่ากับโปรแกรม Photoshop แต่ก็ครอบคลุมกับการแต่งรูปพื้นฐาน ดังนั้นจึงใช้โปรแกรม Lightroom ทำ Retouch ไม่ได้ แต่สามารถใช้แต่งรูปขั้นพื้นฐานก่อนแล้วจึงโอนไปทำ Retouch ต่อใน Photoshop ได้ 




หน้าตาโปรแกรม






สอนวิธี Process แนว HDR ด้วย Lightroom


ภาพตัวอย่าง ที่ผ่านการ Process  ด้วย Lightroom







โปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก




          ความหมายของคอมพิวเตอร์กราฟิก
             กราฟิก หมายถึง ศิลปะแขนงหนึ่งซื่งใช้การสื่อความหมายด้วยเส้น สัญลักษณ์ รูปวาด ภาพถ่าย กราฟ แผนภูมิ การ์ตูน ฯลฯ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายของข้อมูลได้ถูกต้องตรงตามที่ผู้รับสารต้องการ
            คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้าง การตกแต่งแก้ไข หรือการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ โดยใช ้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ เช่น การทำตกแต่งภาพที่เรียกว่า Image Retouching ภาพ
คนแก่ ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ


 โปรแกรม Adobe PageMaker
PageMaker เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการจัดหน้าเอกสารเพื่อผลิตเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เช่น
หนังสือ ใบปลิว แผ่นพับ เป็นต้น โดยสามารถจัดการกับสิ่งพิมพ์ที่มีเนื้อความรวมกับภาพประกอบ
ได้เป็นอย่างดี ผลงานที่ออกมามีคุณภาพสูงสามารถส่งเข้าโรงพิมพ์เพื่อนำไปทำแม่แบบเพื่อพิมพ์ได้
ทันที
ข้อดี ของโปรแกรม Adobe PageMaker     1. สามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ง่าย และรวดเร็ว     2. เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้ ตัวหนังสือเยอะๆ     3.  คุณภาพของงานมีคุณภาพสูง     4. การจัดสัดส่วนหน้ากระดาษได้ง่าย
ข้อเสีย ของโปรแกรม Adobe PageMaker
     1. เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถจำกัด     2. ตกแต่งรูปภาพได้ยาก     3. สร้างงานเกี่ยวกับอนิเมชัน ไม่ได้
     4. 
เป็นโปรแกรมที่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์



    โปรแกรม Adobe Illustrator       
  Adobe Illustrator โปรแกรมสำหรับการออกแบบงานกราฟิก หรืองาน Lay out ซึ่งเป็นงานสองมิติ มีการเขียนรูปในลักษณะการเน้น เส้นเน้นรูปทรงเรขาคณิต เป็นโปรแกรมยอดนิยมที่ใช้สร้างสรรค์งานกราฟฟิคที่โดดเด่น คมชัดและมีเอฟเฟกต์สีสันสวยงาม นิยมใช้ในงานพิมพ์ และโรงพิมพ์เป็นอันมากไฟล์ภาพเป็นแบบ Vector จึงสามารถขยายหรือย่อภาพได้โดยภาพยังคมชัดและไฟล์ยังมีขนาดเล็กอีกด้วย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะที่มีความละเอียดสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสื่อที่แสดงได้อย่างสมจริง ผู้ใช้สามารถเข้าถึงชุดเครื่องมือได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของแต่ละเฉดสี รวมถึงการแบ่งปันไฟล์ ระหว่างแอพพลิเคชัน Illustrator และ Adobe Professional อื่นๆ ที่ผู้ใช้ได้ตระเตรียมคอนเทนต์สำหรับการออกแบบลงบนงานพิมพ์ งานบนเว็บ รวมถึงงานโมบายล์และสื่อที่เคลื่อนไหวได้ ให้คุณมีทางเลือกในการออกแบบที่หลากหลายและฉับไว ด้วยชุดเครื่องมือการวาดระดับมาตรฐาน รวมถึงรูปแบบการควบคุมเฉดสีใหม่ๆ และเอฟเฟคต์มากมายที่จะช่วยให้คุณสร้างงานศิลป์ได้อย่างสร้างสรรค์ และด้วยคุณสมบัติใหม่ของ Live Color ให้คุณสัมผัสได้ถึงเฉดสีใหม่ๆ ให้คุณเลือกใช้ได้กลมกลืนกับชิ้นงานของคุณที่สุดอีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบของชิ้นงานศิลปะของคุณได้ด้วยการพิมพ์ ระดับมืออาชีพและเอฟเฟคต์แบบโปร่งใส
ข้อดี ของโปรแกรม Adobe Illustrator
  1.  สามารถทำงานออกแบบที่มีการทำซ้ำ เช่น นามบัตร, แบนเนอร์บนเว็บ
  2. การ Save ไปเป็น PDF ได้
  3. สร้างภาพได้ละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้นระดับ Pixel สำหรับเว็บและอุปกรณ์มือถือ
  4. ช่วย ให้สร้างภาพได้เหมือนกับใช้พู่กันเขียนภาพของจริง มีเส้นสายเอกลักษณ์ของขนแปรง สามารถปรับลักษณะแปรง ความพริ้วไหว ความหนักเบาของการลงสีในแต่ละระดับ
  5. เป็นโปรแกรมที่สร้างภาพลายเส้นที่มีความคมชัดสูง งาน 2 มิติต่างๆ  6. โปรแกรมเป็นที่นิยมของคนส่วนมาก
ข้อเสีย ของโปรแกรม Adobe Illustrator
  1. เป็นโปรแกรมที่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์  2. ผลงานภาพที่ออกมาอาจไม่เหมือนภาพจริง แต่คล้ายคลึงเท่านั้น  3. เป็นโปรแกรมที่ออกแบบภาพแบบ 2 มิติ


   โปรแกรม Adobe Photoshop
   Adobe Photoshop  เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่รวบรวมเครื่องมือสำหรับตกแต่งภาพ ประสิทธิภาพสูง เพื่อการทำงานระดับมาตรฐานสำหรับนักออกแบบมืออาชีพที่ต้องการสร้างสรรค์งานกราฟิกที่ โดดเด่น ทั้ งงานที่ใช้บนเว็บและงานสิ่งพิมพ์
               Photoshop
 สามารถใช้ในการตกแต่งภาพเล็กน้อย เช่น ลบตาแดงลบรอยแตกของภาพปรับแก้สีเพิ่มสีและแสง ไปจนถึงการตกแต่งภาพแบบมืออาชีพ เช่น การใส่เอฟเฟกต์ให้กับรูป เช่น ทำภาพสีซีเปียการทำภาพโมเซค,การสร้างภาพพาโนรามาจากภาพหลายภาพต่อกัน นอกจากนี้ยังใช้ได้ในการตัดต่อภาพ และการซ้อนฉากหลังเข้ากับภาพ

               Photoshop สามารถทำงานกับระบบสี RGB, CMYK, Lab และ Grayscale และสามารถจัดการกับไฟล์รูปภาพที่สำคัญได้ เช่น ไฟล์นามสกุล JPG, GIF, PNG, TIF, TGA โดยไฟล์ที่โฟโตช็อปจัดเก็บในรูปแบบเฉพาะของตัวโปรแกรมเอง จะใช้นามสกุลของไฟล์ว่า PSD จะสามารถจัดเก็บคุณลักษณะพิเศษของไฟล์ที่เป็นของโฟโตชอป เช่น เลเยอร์,ชันแนลโหมดสี รวมทั้งสไลส์ ได้ครบถ้วน
ข้อดี ของโปรแกรม Adobe Photoshop
  1. เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างภาพและ การตกแต่งภาพที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงสุด ในปัจจุบัน
  2. เป็นโปรแกรมที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. งานที่ได้เหมาะที่จะใช้กับงานสิ่งพิมพ์ นิตยสารงานมัลติมิเดียและสร้างกราฟิกสำหรับเว็บ
  4. การใช้งานเข้าใจง่าย ไม่ยาก  5. Photoshop ทำงานเป็น Layer ลักษณะการทำงานของ Photoshop จะเหมือนการวางแผ่นใสซ้อนๆ กัน โดยแต่ละแผ่นจะมีการทำงานต่างกัน
  6 . งานตกแต่งภาพถ่าย เป็นการตกแต่งภาพถ่ายเก่า ๆ ให้คมชัดเหมือนใหม่ หรือทำการแก้ไขรูปถ่ายที่มืดไป สว่างไป มีเงาดำให้ภาพมีสีสรรสดใสสมจริง นอกจากนั้นยังสร้างภาพล้อเลียน เช่น เอาใบหน้าของคนหนึ่งไปวางไว้บนตัวคนอีกคนหนึ่ง นำภาพบุคคลไปวางบนฉากหลังอื่น เป็นต้น
  7. งานสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ นิตยสาร โฆษณา เรียกได้ว่าเกือบทุกงานที่ต้องใช้รูป สามารถใช้ Photoshopรังสรรค์ภาพให้เป็นไปตามไอเดียที่เราวางไว้ได้
  8. งานเว็บไซด์บนอินเตอร์เน็ต ใช้สร้างภาพเพื่อตกแต่งเว็บไซด์ไม่ว่าจะเป็นแบ็คกราวน์ ปุ่มตอบโต้ แถบหัวเรื่องตลอดจนภาพประกอบต่าง ๆนอกจากนั้นยังสามารถออกแบบหน้าเว็บไซด์ด้วย Photoshopได้
  9. งานออกแบบทางกราฟิก ใช้ Photoshop ช่วยในการสร้างภาพ มิติ การออกแบบปกหนังสือและผลิตภัณฑ์ การออกแบบการ์ดอวยพร เป็นต้น
  10. สร้างภาพวาดเหมือนจิตกรสร้างภาพจากผืนผ้าใบเปล่า ๆ จนเป็นงานศิลปะขึ้นมา
  
11. เป็นโปรแกรมที่มีผู้คนนิยมใช้ เป็นจำนวนมาก และบริษัทผู้ผลิตพัฒนาโปรแกรมไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นโปรแกรมที่มีสมรรถนะที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
  
12. มีคู่มือการใช้เยอะแยะมากมาย เนื่องจากเป็นโปรแกรมยอดนิยมทำให้มีคู่มือการใช้เยอะแยะมากมายหลายเวอร์ชั่น
ข้อเสีย ของโปรแกรม Adobe Photoshop
  1. เป็นโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์  เนื่องจากถ้าต้องการใช้โปรแกรมที่สมบูรณ์ ก็ต้องเสียเงินเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องในการใช้งานโปรแกรม
  2. กินทรัพยากรเครื่องสูง
  3. ยังคงมีปัญหาสระลอย ในภาษาไท

7/29/2555

เทคนิคการถ่ายภาพขาวดำ

คุณมองโลกเป็นขาวดำหรือเปล่า? แน่นอนว่าคงไม่ใช่หรอก เพราะภาพที่คุณเห็นล้วนเต็มไปด้วยสีสันและความอิ่มตัว คุณจะจินตนาการถึงโลกที่ปราศจากสีสันได้หรือไม่? โชคดีที่คุณไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แต่ลองไปรอบๆ ตัวคุณและลองมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นโทนสีขาวดำดูสิ
ถ้าคุณอ่านคอลัมน์นี้ในอาคาร คุณก็อาจจะทำได้ง่ายหน่อย แต่คุณจะสามารถจินตนาการถึงทุ่งดอกป๊อปปี้สีแดงสดหรือดอกบลูเบลล์ เป็นภาพขาวดำได้หรือเปล่า? คงจะยาก เพราะสมองของคุณจะปฏิเสธแนวความคิดนี้ การดึงสีออกจากดอกบลูเบลล์ และดอกป๊อปปี้นั้นไม่เชิงเป็นการปรับปรุงภาพถ่าย แต่สำหรับสิ่งแวดล้อมในการถ่ายภาพอื่นๆ นั้น การทำให้ภาพเป็นขาวดำสามารถยกระดับจากสิ่งธรรมดาๆ ให้กลายความพิเศษได้
สิ่งสำคัญที่คุณควรจำก็คือการถ่ายภาพนั้นเริ่มต้นด้วยภาพขาวดำ และภาพขาวดำก็ไม่ได้ถูกทิ้งขว้างเหมือนทีวีจอขาวดำในยุค 1970 ซึ่งเป็นยุคของทีวีสี เพราะการมาถึงของสีก็ไม่ได้ทำให้ภาพขาวดำกลายเป็นของเก่าคร่ำครึแต่อย่างใด และยิ่งในยุคที่เรามีคอมพิวเตอร์อันชาญฉลาดในการตกแต่งภาพ ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสื่อก็ไม่มีทางจะง่ายไปกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่มันก็ไม่เหมือนกับงานอื่นๆ ในยุคดิจิตอลที่อาศัยเพียงแค่การกดปุ่มหรอกนะ เพราะช่างภาพเองก็จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการมองด้วยเช่นกัน
1. ภาพทิวทัศน์เร้าอารมณ์
หนึ่งในความเข้าใจผิดๆ ที่พบกันบ่อยในหมู่ช่างภาพเวลาถ่ายภาพทิวทัศน์ก็คือความคิดที่ว่าภาพขาวดำเป็นภาพที่มีสีจืดๆ ไม่น่าตื่นเต้น จริงๆ แล้วภาพขาวดำไม่ได้เป็นทางเลือกสุดท้ายหรือเป็นทางออกสำหรับภาพที่ไม่น่าสนใจ เพราะหากปราศจากซึ่งความเปรียบต่าง พื้นผิว รูปทรง และแสงที่สวยงามแล้ว การปรับภาพให้เป็นขาวดำนั้นก็ไม่มีทางช่วยกู้ภาพของคุณกลับมาได้
การเรียนรู้ที่จะมองทิวทัศน์เป็นภาพขาวดำนั้นเป็นกระบวนการของการลดทอน และแทนที่คุณจะใส่ใจไปกับสีสันที่จัดจ้านชัดเจน คุณจำเป็นต้องมองหาพื้นผิว โทน และแสงในทิวทัศน์นั้นเป็นหลัก อันดับแรก ลองสำรวจความรู้สึกแล้วจากนั้นลองจินตนาการถึงเนื้อหา ลองคิดถึงการละทิ้ง ความอ้างว้าง และการทำลาย แค่นี้คุณก็จะเห็นอิทธิพลของมนุษย์ที่มีเหนือทิวทัศน์ ตั้งแต่เสียงสะท้อนจากอุตสาหกรรมไปจนถึงทิวทัศน์เมือง ตัวแบบเหล่านี้ล้วนสามารถเปลี่ยนสีสันให้กลายเป็นภาพผลงานที่รุมเร้าความรู้สึกได้
ภาพทิวทัศน์ขาวดำนั้นขึ้นอยู่กับโทนและการปรับแต่ง การลดความอิ่มตัวของสีเพียงอย่างเดียวจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์นัก และการปรับโทนภาพนั้นก็สามารถทำได้ก่อนที่คุณจะทันเสียบการ์ดเข้ากับคอมพิวเตอร์เสียอีก เพราะในภาคสนามนั้น ฟิลเตอร์ครึ่งซีกไม่เพียงแต่เพิ่มโทนให้กับท้องฟ้าที่ซีดจางเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความลึกและสมดุลให้กับพื้นดินด้านล่างด้วยเช่นกัน ภาพทิวทัศน์ขาวดำจำเป็นต้องมีอารมณ์และความเข้มข้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดี และการสร้างสมดุลให้กับภาพจะช่วยยกระดับความงดงามให้กับผลลัพธ์ของคุณ
ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/11, ISO100 ค่าความเร็วชัตเตอร์ขึ้นอยู่กับตัวแบบ
ภาพทิวทัศน์ที่ดีนั้นจำเป็นต้องมีความคมชัดทั่วทั้งภาพ ดังนั้นพยายามอย่าถ่ายด้วยรูรับแสงที่กว้างกว่า f/11 และใช้ค่า ISO ต่ำเพื่อคุณภาพของภาพที่ดีที่สุด นอกจากนั้นให้คุณลองถ่ายในช่วงบ่ายเพื่อเอฟเฟ็คท์ที่น่าตื่นตา
2. ภาพทิวทัศน์สไตล์มินิมอล
ภาพขาวดำนั้นเหมาะอย่างยิ่งกับงานทิวทัศน์สไตล์มินิมอล ( Minimalist) เพราะบางครั้ง น้อยก็หมายถึงมากได้ ตัวอย่างในภาพแนวนี้ที่ชัดเจนก็เห็นจะเป็น Michael Kenna ซึ่งภาพทิวทัศน์ท้องทะเลของเขาเป็นงานแนวเหนือจริง ภาพของเขาเป็นฟอร์แมตสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมักใช้เทคนิคทำให้ขอบภาพเข้มดำ งานของเขาโดดเด่นด้วยการใช้ค่าการเปิดรับแสงที่ยาวนานอย่างสร้างสรรค์ วิธีนี้เปลี่ยนพื้นผิวธรรมดาอย่างเช่นก้อนเมฆและเกลียวคลื่นให้กลายเป็นความนุ่มนวลโดยใช้ฟิลเตอร์ที่ทึบเข้มและถ่ายภายใต้สภาพแสงที่น้อยมากๆ และการใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวนี้เองที่ก่อให้เกิดเอฟเฟ็คท์ภาพแนวเหนือจริงที่โด่งดัง
และก็แน่นอนว่าตัวแบบนั้นมีความสำคัญที่สุด บางครั้งในภาพนั้นก็อาจจะมีหรือไม่มีจุดสนใจหลักก็ได้ คุณอาจจะลองใช้วัตถุบริเวณชายหาดเช่นเสาหลักหรือแนวรั้ว เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มพลังให้กับภาพถ่ายได้ แต่บางครั้งการไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจได้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่สำคัญก็คือการมองหาตัวแบบที่มีศักยภาพอย่างพินิจพิเคราะห์ และจินตนาการถึงภาพผลลัพธ์ก่อนที่จะหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋า
ฟิลเตอร์ ND แบบสาม หก หรือสิบสต็อปสามารถช่วยให้คุณควบคุมค่าความเร็วชัตเตอร์ และก็ควรเป็นอุปกรณ์หลักๆ ในการสร้างสรรค์ภาพแนวมินิมอลนี้ ลองใช้ฟิลเตอร์เหล่านี้ในช่วงเวลาต่างๆ ของวันเพื่อเอฟเฟ็คท์ที่ทรงพลัง

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/11,  ISO100 ค่าความเร็วชัตเตอร์ระหว่าง 10 วินาทีและ 5 นาที
ค่าการเปิดรับแสงที่ยาวนานคือหัวใจหลักซึ่งก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับฟิลเตอร์ ND คุณควรทดลองกับค่ารูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ และฟิลเตอร์ ภาพจะมี Noise ปรากฏมากขึ้นเมื่อค่าการเปิดรับแสงนานขึ้น ให้คุณใช้ค่า ISO ที่ต่ำที่สุด

3. ทิวทัศน์ในเมือง
หนึ่งในข้อดีของการถ่ายภาพพื้นที่เมืองก็คือความหลากหลายของตัวแบบที่เหมาะกับภาพขาวดำ ไม่ว่าจะเป็นอาคารกระจกที่มันวาวหรือท้องถนนที่พลุกพล่าน โอกาสในการถ่ายภาพไม่ได้มีแค่เพียงในช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้น หากแต่เป็นทุกช่วงเวลาของวัน
การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมจากท้องถนนยังช่วยให้คุณสามารถเผยให้เห็นมุมมองที่แปลกตา แสงที่สะท้อนจากตัวอาคารและหน้าต่างยังช่วยเน้นรูปทรงและความคมชัดในภาพได้ ส่วนรูปทรงนั้นก็ยังได้รับอิทธิพลจากการล้อของเงาซึ่งส่งผลให้แสงในบริเวณนี้มีความนุ่มนวล
การเลือกเลนส์จะส่งผลต่อรูปแบบภาพที่คุณจะได้ แต่ก็นั่นแหละ ฟิลเตอร์ Neutral Density ก็มีประโยชน์เช่นกัน ด้วยการใช้ค่าความเร็วชัตเตอร์ที่สูงและเลนส์มุมกว้าง ปุยเมฆที่ทอดตัวเป็นทางยาวสามารถช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพ ก่อให้เกิดความรู้สึกถึงการหยุดนิ่งของเวลา

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/5.6-16 ซึ่งขึ้นอยู่กับเลนส์ ISO100 ค่าความเร็วชัตเตอร์นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวแบบ
ทดลองใช้ฟิลเตอร์ ND ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้กับตัวอาคารได้ ลองใช้ฟิลเตอร์ที่กินแสงสาม หก หรือสิบสต็อปกับสถานการณ์ที่เหมาะสม
4. ภาพบุคคลขาวดำโลว์คีย์
หากพลัง ความลึกลับ หรือการสำรวจโลกด้านที่มืดคือสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อสาร เช่นนั้นแล้วภาพขาวดำโลว์คีย์( low-key mono)ก็คงจะเป็นคำตอบของคุณ แม้ว่าเทคนิคนี้จะเหมาะกับภาพบุคคล แต่คุณก็สามารถประยุกต์ใช้กับภาพทิวทัศน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโทนมืดของภาพสามารถเผยให้เห็นรูปทรงที่มีความเป็นนามธรรมได้มากขึ้น
ภาพโลย์คีย์ให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับภาพไฮคีย์ (ดูภาพล่าง) เพราะแทนที่ตัวแบบจะปรากฏตัวออกมาจากสีขาว ตัวแบบของเราจะปรากฏร่างออกมาจากเงาภาพ วิธีนี้จะช่วยสร้างความลึกลับและน่าค้นหาซึ่งมักจะให้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับภาพขาวดำ
หนึ่งในเอฟเฟ็คท์โลว์คีย์ที่ได้รับความนิยมก็คือภาพบุคคลที่เน้นรูปทรง โดยให้แสงบริเวณใบหน้าด้วยไฟเพียงดวงเดียวจากด้านใดด้านหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยเน้นให้เห็นรายละเอียดของโครงหน้าด้านหนึ่ง และอีกด้านหนึ่งจะจมอยู่ในเงาภาพ เอฟเฟ็คท์นี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับภาพบุคคลครึ่งตัวหรือเต็มตัว แต่คุณต้องใส่ใจกับส่วนเล็กๆ ที่อาจเบี่ยงความสนใจออกไปได้ (อย่างเช่นมือ)
กุญแจสู่ความสำเร็จก็คือการหาค่าการเปิดรับแสงที่แม่นยำ เพราะไม่เช่นนั้นเอฟเฟ็คท์ที่ได้ก็จะอ่อนกำลังลง ค่าการเปิดรับแสงที่โอเวอร์จะทำให้ความลึกลับในภาพนั้นหายไป เนื่องจากฉากหลังจะสว่างขึ้นและเผยให้เห็นสิ่งแวดล้อมของตัวแบบ แต่ค่าการเปิดรับแสงที่อันเดอร์ก็จะทำให้ตัวแบบอ่อนกำลังลงไป ทำให้ตัวแบบดูเหมือนไม่ได้เป็นส่วนเดียวในภาพถ่ายเท่าไรนัก และเนื่องจากภาพแนวนี้จะประกอบด้วยค่าโทนกลางและโทนมืด คุณควรตรวจเช็คกราฟ Histogram ดูว่าค่าโทนต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อความสมบูรณ์ทางเทคนิคในภาพถ่ายของคุณ

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/5.6-f/11 ISO100 ค่าความเร็วชัตเตอร์ระหว่าง 1/500-1/125 วินาที
ลองใช้ระบบวัดแสงเฉพาะจุดอ่านค่าโทนผิวให้อยู่บริเวณกลางกราฟ Histogram สำหรับในงานภาพบุคคลนั้น รูรับแสงกว้างจะดึงใบหน้าให้แยกออกมาจากฉากหลัง
5. ภาพขาวดำไฮคีย์
ภาพขาวดำไฮคีย์ (High – key mono) นั้นเป็นวิธีที่เหมาะกับการแยกตัวแบบให้โดดเด่นทั้งในงานภาพบุคคลและภาพทิวทัศน์ พื้นฐานของภาพแนวนี้ก็คือการใช้ฉากหลังที่สว่างหรือ ไฮคีย์พร้อมกับจุดโฟกัสที่มีโทนที่ตัดกัน โดยรวมแล้ว ภาพที่จะดูสว่าง เบา และชวนฝันโดยเฉพาะในภาพบุคคล ลองจินตนาการถึงภาพผู้หญิงในชุดขาวตัดกับฉากหลังสีขาว ใบหน้าและช่วงคอของเธอดูเหมือนลอยออกมาจากฉากหลัง ซึ่งก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย
ปัญหาของภาพไฮคีย์ก็คือความเข้าใจในการวางตำแหน่งของโทนสว่างภายในภาพ อย่างในภาพตัวอย่างของเรานี้ ซึ่งมีข้อมูลในส่วนของเงาภาพน้อยมาก ที่จะมีก็เห็นจะเป็นเพียงโทนกลางและโทนสว่างเท่านั้น ระบบวัดแสงภายในกล้องมักทำงานผิดพลาดในสภาพที่สว่างเช่นนี้ และก็มักจะทำให้ภาพได้รับแสงอันเดอร์ด้วยการวางตำแหน่งสีขาวไว้ที่บริเวณโทนกลาง นั่นก็เพราะระบบวัดแสงภายในกล้องเป็นระบบที่วัดแสงที่สะท้อนออกมาจากวัตถุ คุณจำเป็นต้องตรวจดูกราฟ Histogram และหาค่าการเปิดรับแสงที่ถูกต้อง และทำให้สีขาวเป็นสีขาว ไม่ใช่สีเทา

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/5.6-f/11 ISO100 ค่าความเร็วชัตเตอร์ 1/500-1/125 วินาที ระบบวัดแสงเฉลี่ยกลางภาพ
ถ้าถ่ายภาพด้วยโหมด AV คุณจำเป็นต้องชดเชยแสง +1.5 สต็อป การเลือกใช้รูรับแสงกว้างจะช่วยดึงใบหน้าในโดดเด่นขณะที่ฉากหลังกลายเป็นความนุ่มเบลอ
6. เกรนที่สร้างสรรค์
กำลังมองหาวิธีเพิ่มเกรนฟิล์มให้กับภาพดิจิตอลของคุณอยู่หรือเปล่า? ถ้าเช่นนั้นคุณน่าจะลองใช้เกรนแบบสร้างสรรค์นี้ดู แม้ว่าเกรนและ Noise จะเป็นหายนะสำหรับช่างภาพสมัยใหม่ แต่เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากเกรนด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพขาวดำ สีสันที่ไล่โทนอย่างสมบูรณ์มักจะทำให้ภาพดูสะอาดเอี่ยมจนเกินไป ส่งผลให้เสน่ห์ของภาพลดน้อยลง ด้วยเหตุนี้คุณก็น่าที่จะลองเพิ่มเกรนเพื่อสร้างสรรค์ภาพทิวทัศน์และภาพบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว Noise ในระบบดิจิตอลนั้นก็เทียบได้กับเกรน ยิ่ง ISO สูงเท่าไหร่ Noise ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ผู้ผลิตกล้องล้วนภาคภูมิใจในกล้องซึ่งให้ภาพผลลัพธ์ที่มีเกรนลดน้อยลงบน ISO ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนั้นแล้วเราจะเพิ่ม Noise เข้าไปในภาพของเราได้อย่างไร? เราสามารถเพิ่ม Noise ได้ทั้งในขั้นตอนการถ่ายภาพและขั้นตอนการตกแต่งภาพ แม้ว่าวิธีหลังนั้นจะทำให้เรามีการควบคุมที่ดีกว่า แต่การใช้ ISO สูงๆ ในการบันทึกภาพก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน
ข้อผิดพลาดหลักที่ช่างภาพมักทำกันคือการทิ้งค่า ISO สูงๆ ไว้ในกล้องหลังจากที่ถ่ายภาพในสถานที่ที่มีแสงน้อย แล้วใช้ค่ากล้องนี้ถ่ายภาพในเช้าอีกวันหนึ่ง แต่อย่าเพิ่งลบไฟล์ภาพเหล่านี้จนกระทั่งคุณได้ตรวจเช็คมัน เพราะเอฟเฟ็คท์ที่ได้นั้นอาจจะดีกว่าที่คุณคิดก็ได้!

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/5.6-f/11 ISO100 ค่าความเร็วชัตเตอร์ระหว่าง 1/500 และ 1/1000 วินาที
ปรับรูรับแสงให้ได้ระยะชัดลึกที่คุณต้องการ และไม่ต้องกังวลกับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ลดต่ำลง กล้องถ่ายภาพของคุณจะไวแสงเพิ่มขึ้นด้วยค่า ISO ที่สูงขึ้น

7. ทำภาพให้เก่า
หนึ่งในข้อดีของการถ่ายภาพดิจิตอลก็คือความสามารถในการปรับแต่งที่ไร้ขีดจำกัด และการปรับภาพให้ดูเก่าก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เทคนิคนี้ทำได้ด้วยการผสานภาพพื้นผิวเข้ากับภาพหลักของคุณ
อันดับแรก ให้คุณหาตัวแบบที่เหมาะจะนำมาเป็นภาพหลัก ลองหาอะไรที่ดูชำรุด อย่างอาคารเก่า โรงนา หรืออาจจะเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกันแบบสุดขั้ว เอฟเฟ็คท์เดียวกันนี้ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับภาพบุคคลเช่นกัน  การปรับภาพใบหน้าหรือร่างกายให้ดูเก่าก็สามารถสร้างเอฟเฟ็คท์ถึงการเวลาที่กัดกร่อนเมื่อคุณนำภาพบุคคลมาซ้อนกับภาพพื้นผิวหรือรอยขีดข่วน
สิ่งแรกที่คุณควรทำก็คือการสะสมภาพพื้นผิวไว้ในคลังภาพของคุณ แม้ว่าคุณจะสามารถดาวน์โหลดภาพพื้นผิวออนไลน์ได้ แต่คุณก็น่าจะลองมองรอบๆ ตัวและเก็บภาพโคลสอัพสำหรับคลังภาพของคุณเอง สิ่งแวดล้อมในเมืองเป็นแหล่งภาพชั้นดี ลองถ่ายภาพกำแพงเก่า สังกะสี หรือโปสเตอร์ที่ฉีกขาด จากนั้นให้ซ้อนภาพเหล่านี้เข้ากับภาพหลักของคุณด้วยโปรแกรม Photoshop จากนั้นเปลี่ยนค่า Blending Mode เพื่อหาเอฟเฟ็คท์ที่ต้องการ (เช่น Multiply, Overlay และ Vivid Light) คุณสามารถปรับแต่งเอฟเฟ็คท์ด้วยการแปลงภาพบางภาพให้เป็นขาวดำ ซึ่งเลเยอร์เหล่านี้ไม่เพียงจะทำให้ภาพของคุณดูเก่าเท่านั้น แต่ยังสร้างเอฟเฟ็คท์โทนสีให้กับภาพของคุณด้วย

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/5.6-f/8 ISO400 ในกรณีที่ถือกล้องถ่าย
สำหรับภาพพื้นผิว ให้ใช้เลนส์เทเลโฟโต้หรือมาโครเพื่อบันทึกภาพในอัตราขยาย ให้โหมดวัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพหรือเฉลี่ยหนักกลาง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวแบบที่คุณถ่าย
8. ขาวดำยามค่ำคืน
การถ่ายภาพยามค่ำคืนก่อให้เกิดภาพที่ทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แต่ในภาพขาวดำนั้นก็จะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ ความมืดมักเชื่อมโยงกับอารมณ์ที่รุนแรงอย่างเช่นความหวาดหวัดและสะพรึงกลัว แต่เมื่อเราปรับภาพให้เป็นขาวดำแล้ว ภาพถ่ายของคุณจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกมากทีเดียว
หนึ่งในความรำคาญของช่างภาพเวลาถ่ายภาพเมืองยามค่ำคืนก็คือแสงไฟสีส้มๆ ที่ดูขุ่นมัว ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่กำจัดมันทิ้งไปด้วยการปรับภาพให้เป็นขาวดำดูล่ะ? และนี่ก็คือเวลาที่เหมาะที่สุดแล้ว หนึ่งในกฎของการแปลงภาพยามค่ำคืนให้เป็นขาวดำก็คือการปรับชาโดว์ให้เป็นสีดำ ช่างภาพท่องเที่ยวมักเก็บกล้องใส่กระเป๋าเมื่อค่ำคืนเริ่มคืบคลาน แต่นี่คือช่วงเวลามหัศจรรย์ที่คุณควรอยู่รอ ภาพแนวนี้ก็เหมือนกับภาพโลว์คีย์ ตึกรามบ้านช่องจะปรากฏขึ้นมาจากค่ำคืนที่มืดมิด หลบซ่อนตัวอาคารบางส่วนไว้ ท้องถนนที่โล่งเปล่าจะช่วยเพิ่มองค์ประกอบแห่งความเข้มข้น แต่ด้วยความเป็นขาวดำจะสื่อให้รู้สึกถึงเวลา

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/5.6-f/11 (รูรับแสงขึ้นอยู่กับภาพที่คุณต้องการ) ISO100-800
คุณจำเป็นต้องเพิ่มค่า ISO หากคุณต้องการบันทึกภาพความเคลื่อนไหว ลองใช้ค่าความเร็วชัตเตอร์ประมาณ 1/30 และ 30 วินาที และอย่าลืมพกขาตั้งกล้องติดตัวไปด้วย
9. นามธรรม
ภาพขาวดำเป็นสื่อที่เหมาะในการสร้างสรรค์ภาพแนวนามธรรม สำหรับภาพแนวนามธรรมที่ดีนั้น ภาพจำเป็นต้องโจมตีผู้ดูด้วยคำถาม เรากำลังมองไปทางไหน? ขนาดเท่าไหร่? กำจัดสีสันที่มีออกไปให้กลายเป็นภาพขาวดำ จะทำให้ภาพนามธรรมนั้นจะยิ่งซับซ้อนเนื่องจากบริษัทเดิมๆ ได้สูญหายไปแล้ว
การถ่ายภาพสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เป็นวิธีที่เหมาะกับการเรียนรู้ภาพขาวดำนามธรรม เนื่องจากงานเหล่านี้ล้วนออกแบบโดยสถาปนิก คุณควรเลือกใช้ทางยาวโฟกัสและมุมกล้องที่ถูกต้อง พยายามหลีกเลี่ยงการเฟรมภาพตัวแบบเต็มตัวที่จดจำง่าย และพยายามเพ่งความสนใจไปยังความรู้สึกที่มีต่ออาคารนั้นๆ แปลงภาพให้เป็นขาวดำและลองปรับแต่งโทนของภาพดู
และวิธีนี้ไม่ได้มีไว้แค่เพียงอาคารเท่านั้น แม้ว่าทิวทัศน์อาจไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกๆ ในการถ่ายภาพนามธรรม แต่การผสมผสานมุมมองและทางยาวโฟกัสที่เหมาะสมอาจจะทำให้คุณประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ได้ ทะเลสาบเป็นสถานที่ที่เหมาะกับภาพนามธรรมที่สวยงาม ทิวเขาธรรมดาๆ อาจกลายเป็นลวดลายที่ประหลาดตา เพียงแค่คุณเปลี่ยนภาพให้เป็นขาวดำ เอฟเฟ็คท์ที่ได้นั้นจะผลักดันภาพถ่ายของคุณต่อไปเอง

ตั้งค่ากล้อง SLR อย่างไร และทำไม?
f/5.6-f11 (รูรับแสงขึ้นอยู่กับภาพที่คุณต้องการ) ISO100-800
คุณจำเป็นต้องเพิ่ม ISO ให้สูงขึ้นหากภาพของคุณมีการเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น ลองใช้ค่าความเร็วชัตเตอร์ระหว่าง 1/30 วินาทีถึง 30 วินาที

10. โซลาไรเซชั่น
โซลาร์เซชั่น (Solarisation) อาจเป็นเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างจะแปลกตา แต่มันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับภาพขาวดำบางภาพ เทคนิคนี้เริ่มขึ้นในห้องมืดในช่วงปี 1860 ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการฉายแสงลงบนฟิล์มเนกาทีฟที่ฉายแสงแล้วในช่วงก่อนหรือระหว่างกระบวนการล้างฟิล์ม เทคนิคนี้ถูกทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยจิตรกรชาวอเมริกาที่ชื่อว่า Man Ray
เทคนิคสไตล์ป๊อปอาร์ตนี้ส่งผลประหลาดๆ บางอย่างต่อไฮไลต์ของภาพ เพราะยิ่งไฮไลต์ในภาพปกตินั้นมีความสว่างมากเพียงใด ส่วนนั้นก็จะเข้มขึ้นมากเท่านั้นเมื่อผ่านกระบวนการ โซลาร์เซชั่น สีขาวกลายเป็นสีดำและโทนภาพที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่งผลให้เกิดภาพแนวเหนือจริงที่แปลกตา
การสร้างภาพ นี้ง่ายมาก จริงๆ แล้วโปรแกรมตกแต่งภาพแทบทุกโปรแกรมจะมีค่าคำสั่งนี้ที่เลียนแบบเทคนิคห้องมือขาวดำได้อย่างเที่ยงตรง แต่มันก็ง่ายพอที่คุณจะสร้างมันขึ้นมาเองด้วยการปรับ Curves ด้วยตัวคุณเอง เทคนิคหลักๆ ก็คือการดันสีดำในภาพไปในทางกลับกันให้ได้ Curve รูปทรงตัว U ซึ่งเป็นวิธีที่ตรงกันข้ามกับการปรับแต่งภาพทั่วไป

11. Split tone
Split tone เป็นเทคนิคการทำภาพขาวดำที่ช่วยเพิ่มเติมสีสันให้กับภาพถ่าย วิธีการทำงานก็คือการเพิ่มสีสันให้กับช่วงโทนต่างๆ เช่นชาโดว์ โทนกลาง และไฮไลต์ เทคนิคนี้เดิมเป็นเทคนิคห้องมืด การแยกโทนเป็นกระบวนการสร้างภาพที่ใช้สารเคมีที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่แปลกตาแม้แต่ในยุคดิจิตอลนี้ก็ตาม
เทคนิค Split tone นี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีเมื่อคุณนำมาใช้กับภาพบุคคลและทิวทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากช่างภาพกำลังหาวิธีการย้อมสีภาพที่สามารถควบคุมเอฟเฟ็คท์ได้มากกว่าการใช้ค่าพรีเซ็ตที่มี ภาพดิจิตอลขาวดำมักจะมีปริมาณของสีแดงปรากฏอยู่ในช่วงโทนกลางและชาโดว์ ด้วยการเพิ่มสีน้ำเงินหรือสีฟ้าเข้าไปในพื้นที่ชาโดว์เหล่านี้ ภาพถ่ายที่ได้จะมีความเข้มและอิ่มตัวมากขึ้น สีดำจะเริ่มเข้มดำมากขึ้นและภาพถ่ายก็จะมีความลึกโดยไม่มีโทนสีอื่นๆ โดดเด่นขึ้นมา
ลองแปลงภาพให้เป็นขาวดำและจากนั้นใช้ Colour Balance Adjustment Layer ใน Photoshop เพื่อเพิ่มสีสันอื่นๆ ในช่วงโทน กุญแจที่สำคัญคือความแนบเนียน ดังนั้นอย่าลืมเปิดและปิดไอคอนเลเยอร์เพื่อดูเอฟเฟ็คท์ที่คุณกำลังปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอ

12. อินฟราเรด
การถ่ายภาพอินฟราเรด (Infrared photography) เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการถ่ายภาพขาวดำ และนี่ก็เป็นเทคนิคหนึ่งที่สามารถแปลงโฉมภาพถ่ายของคุณได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่สำคัญก็คือความเข้าใจในหลักการทำงานของการแปลงภาพด้วยวิธีนี้
การถ่ายภาพอินฟราเรดถูกค้นพบครั้งแรกโดย Robert Wood ในปี 1910 ซึ่งเขาพยายามสร้างฟิล์มทดลองที่แตกต่างไปจากฟิล์มซิลเวอร์ฮาไลต์เพลทที่ใช้กันในสมัยนั้น อินฟราเรดก่อให้เกิดเอฟเฟ็คท์ที่แปลกตาด้วยการปิดสเป็กตรัมแสงที่มองเห็นได้ทั้งหมด ส่วนในต้นไม้นั้น แสงที่สะท้อนออกมาจากใบจะถูกบันทึกเป็นสีขาวสว่าง ดูฟุ้งกระจายราวกับหิมะ ส่วนก้อนเมฆและท้องฟ้าก็จะดูแปลกตาออกไป ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องเลือกตัวแบบให้เหมาะสมกับเอฟเฟ็คท์อินฟราเรดนี้
ขั้นตอนแรกก็คือการตรวจดูว่ากล้องของคุณสามารถถ่ายภาพอินฟราเรดได้หรือไม่ วิธีที่มีราคาต่ำที่สุดก็คือการใช้ฟิลเตอร์อินฟราเรด (ซึ่งจะกั้นแสงสีทั้งหมดยกเว้นคลื่นอินฟราเรด) แต่วิธีนี้ก็มีปัญหาที่คุณควรทราบไว้ ตัวอย่างเช่น เทคนิคนี้จะลดค่าการเปิดรับแสงของคุณจนต่ำ และคุณจะไม่สามารถมองผ่านช่องมองภาพได้ ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องปรับโฟกัสและจัดองค์ประกอบภาพก่อนที่จะสวมฟิลเตอร์เข้าไป ซึ่งก็ทำให้ขาตั้งกล้องเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ หรือคุณอาจจะดัดแปลงกล้องของคุณให้กลายเป็นกล้องอินฟราเรด แต่ขอเตือนก่อนว่า วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน